ถ้าคุณมีบ้านว่าง ๆ อยู่ในนครนายก หรือกำลังมองหาการลงทุนที่ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ ไม่ต้องลงแรงเยอะ แต่มีรายได้เข้าทุกเดือน… บ้านเช่าอาจเป็นคำตอบที่คุณยังไม่เคยคิดถึง! เพราะเชื่อมั้ยคะว่า บ้านหลังเล็ก ๆ ในบรรยากาศธรรมชาติของนครนายก อาจสร้างรายได้ให้คุณแบบสม่ำเสมอ โดยที่แทบไม่ต้องเหนื่อยเหมือนทำธุรกิจอื่น ๆ เลย บทความนี้จะพาคุณไปดูว่า ทำไมบ้านเช่าในพูลวิลล่านครนายกถึงเป็นไอเดียการลงทุนที่น่าจับตามอง พร้อมเจาะลึกกลุ่มลูกค้า รายได้โดยเฉลี่ย และเคล็ดลับที่ช่วยให้บ้านของคุณ “ปล่อยเช่าได้ง่าย รายได้ดี” แบบที่คุณอาจคาดไม่ถึง!
ทำไมนครนายกถึงน่าลงทุนบ้านเช่า
หลายคนอาจมองข้ามจังหวัดเล็ก ๆ อย่าง “นครนายก” ไปเมื่อต้องพูดถึงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะ “บ้านเช่า” แต่ในความเป็นจริง นครนายกกลับเต็มไปด้วยศักยภาพที่น่าสนใจ และสามารถสร้างรายได้ประจำให้เจ้าของบ้านได้มากกว่าที่คิด!
เดินทางง่าย ใกล้กรุงเทพฯ
จุดแข็งข้อแรกเลยคือนครนายกอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ แค่ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ขับรถสะดวก ไม่ต้องขึ้นเขาไกลหรือเดินทางหลายชั่วโมง ทำให้นักท่องเที่ยวหรือคนทำงานเลือกมาพักผ่อนได้สะดวก เหมาะกับการปล่อยเช่าทั้งรายวันและรายเดือนแบบสบาย ๆ
มีผู้เช่าตลอดทั้งปี
นครนายกมีทั้งธรรมชาติ ภูเขา น้ำตก คาเฟ่น่ารัก ๆ และกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ล่องแก่ง ขี่ ATV ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดปี ไม่ใช่แค่ช่วงไฮซีซัน นอกจากนี้ยังมีคนมาทำงานชั่วคราว เช่น กลุ่มอบรม สัมมนา หรือเจ้าหน้าที่โครงการต่าง ๆ ที่มองหาบ้านเช่าระยะสั้น – กลุ่มนี้เองคืออีกหนึ่งฐานลูกค้าที่น่าสนใจมาก
ต้นทุนไม่สูง
ถ้าเทียบกับจังหวัดยอดฮิตอื่น ๆ เช่น เขาใหญ่ หัวหิน หรือเชียงใหม่ ค่าใช้จ่ายในการซื้อที่ดินหรือสร้างบ้านในนครนายกยังถือว่า “จับต้องได้” โดยเฉพาะบ้านหลังเล็ก ๆ ที่มีห้องพัก 1–2 ห้องนอน ทำเลดีใกล้แหล่งท่องเที่ยว ก็สามารถเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยงบไม่ถึง 2 ล้านบาท
บรรยากาศเหมาะกับการพักผ่อน
ความเงียบสงบ รายล้อมด้วยธรรมชาติ และอากาศดีของนครนายก ทำให้หลายคนอยากมา “อยู่ยาว” ทั้งกลุ่มคนวัยเกษียณ คนทำงานที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ หรือคนที่ทำงานออนไลน์ (Work from Anywhere) บ้านเช่าที่ออกแบบดี อยู่สบาย จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้แบบตรงจุด
กลุ่มเป้าหมายของบ้านเช่า คือใครบ้าง
หลายคนเข้าใจว่าการลงทุนบ้านเช่าเหมาะกับคนที่อยากปล่อยเช่าแบบ “อยู่ประจำ” เท่านั้น เช่น กลุ่มพนักงานประจำหรือคนที่ย้ายถิ่นฐานมาทำงาน แต่จริง ๆ แล้ว “บ้านเช่าในนครนายก” ยังมีอีกหลายกลุ่มลูกค้าที่เช่าอยู่ต่อเนื่อง และสามารถสร้างรายได้รายเดือนให้กับเจ้าของบ้านได้แบบไม่ขาดสาย มาดูกันว่ามีใครบ้าง
ครอบครัวที่มาพักผ่อนช่วงวันหยุด
นครนายกเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตของคนกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง เพราะเดินทางง่ายและมีธรรมชาติสวย ๆ ให้เที่ยวครบ ทั้งเขื่อน น้ำตก คาเฟ่ ภูเขา ทำให้ครอบครัวหลายบ้านเลือกเช่าบ้านพักตากอากาศอยู่กันสบาย ๆ ยกครอบครัว 1–2 คืน มากกว่าการพักโรงแรม
กลุ่มเพื่อนที่อยากอยู่รวมกันแบบส่วนตัว
วัยรุ่นหรือวัยทำงานที่อยากไปเที่ยวแบบแก๊ง ก็เป็นอีกกลุ่มที่นิยมเช่าบ้านพักมากกว่าการจองห้องพักแยก เพราะการเช่าบ้าน 1 หลัง ทำให้มีกิจกรรมร่วมกันได้ เช่น ปาร์ตี้เล็ก ๆ ทำอาหาร ปิ้งย่าง เล่นบอร์ดเกม ฯลฯ ซึ่งบ้านเช่าจึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์
คู่รักที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ
กลุ่มคู่รักที่อยากหนีความวุ่นวายในเมือง ก็เลือกมาพักบ้านเช่าในนครนายก เพราะมีทั้งความเงียบสงบ ธรรมชาติสวย และบ้านที่เป็นส่วนตัว เหมาะกับการพักผ่อนจริง ๆ
พนักงานประจำที่ย้ายมาทำงานชั่วคราว
คนที่มาทำงานในพื้นที่ชั่วคราว เช่น พนักงานโครงการ ราชการ หรือเอกชนที่มาประจำสาขาชั่วคราว มักมองหาที่พักที่ให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าอพาร์ตเมนต์ และต้องการบ้านที่อยู่ได้เป็นเดือน ซึ่งบ้านเช่าในราคาหลักพันถึงหมื่นต้น ๆ ต่อเดือน จึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
นักศึกษาหรือคนอบรมในพื้นที่
ในบางช่วงเวลาจะมีการจัดอบรม สัมมนา หรือฝึกงาน ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มักมองหาบ้านเช่าระยะสั้น 1–3 เดือน เพื่อพักอาศัยช่วงกิจกรรมต่าง ๆ หากบ้านเช่าของคุณอยู่ใกล้สถานศึกษา หรือศูนย์อบรม จะยิ่งได้เปรียบมากขึ้น
รายได้โดยประมาณต่อเดือน
ถ้าคุณกำลังสงสัยว่า “ลงทุนบ้านเช่าแล้วจะคุ้มไหม?” มาลองคำนวณรายได้คร่าว ๆ กันแบบง่าย ๆ เลยค่ะ รับรองว่าหลายคนอาจต้องอึ้ง เพราะมันมากกว่าที่คิดไว้แน่นอน!
แบบที่ 1: ปล่อยเช่ารายเดือน
บ้านเช่า 1 หลัง ขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบ อยู่ในทำเลดี ๆ เช่น ใกล้ตลาด โรงพยาบาล หรือสถานที่ราชการในนครนายก ราคาเช่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 7,000 – 12,000 บาทต่อเดือน
เหมาะกับพนักงานราชการ หรือคนทำงานที่อยากอยู่แบบระยะยาว
แบบที่ 2: ปล่อยเช่ารายวัน
ถ้าคุณตกแต่งบ้านให้น่าพัก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก และอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว เช่น เขื่อนขุนด่านฯ น้ำตกสาริกา หรือคาเฟ่ฮิต ๆ สามารถปล่อยเช่าได้ในราคา 1,500 – 3,000 บาทต่อคืน
ถ้ามีคนเช่าเฉลี่ย 10–15 วัน/เดือน ก็สามารถทำรายได้ได้สูงถึง
15,000 – 30,000 บาท/เดือน เลยทีเดียว!
ปัจจัยที่มีผลต่อรายได้
- ทำเลที่ตั้ง: ยิ่งใกล้แหล่งท่องเที่ยวหรือสิ่งอำนวยความสะดวก รายได้ยิ่งดี
- ขนาดบ้าน: บ้านที่รองรับได้หลายคน มักปล่อยเช่าได้ราคาสูงกว่า
- ความสะอาดและการดูแล: บ้านดูดี มีบริการครบ ยิ่งได้รีวิวดี คนก็ยิ่งมาเช่าซ้ำค่ะ
เคล็ดลับปล่อยเช่าให้ได้ราคาดี
อยากปล่อยบ้านเช่าให้ได้ราคาดี ๆ มีแขกจองเข้าตลอด ต้องไม่ใช่แค่ “มีบ้าน” อย่างเดียวนะคะ แต่ต้องรู้จัก “ปรับจูน” บ้านให้โดนใจผู้เช่าด้วย! มาดูกันว่าเจ้าของบ้านมือใหม่ควรทำอะไรบ้างเพื่อให้บ้านของคุณเป็นที่สนใจ และปล่อยเช่าได้ราคาดีแบบไม่ต้องรอคิวเลยค่ะ
ตกแต่งให้น่าอยู่ & ถ่ายรูปขึ้น
ภาพแรกที่คนเช่าเห็นก็คือ “รูปบ้าน” ถ้าบ้านของคุณดูดี มีสไตล์ เช่น มินิมอล คลีน ๆ หรือแนวโฮมมี่อบอุ่น ก็จะดึงดูดใจได้มากค่ะ ลองเลือกของตกแต่งง่าย ๆ เช่น โซฟานุ่ม ๆ ไฟวอร์มโทน หรือกระจกบานใหญ่ รับรองว่าแค่ถ่ายรูปก็ดูแพงขึ้นมาทันที!
มี Wi-Fi / ครัว / มุมปิ้งย่าง = แต้มต่อ!
บ้านเช่าที่มี Wi-Fi ครัวพร้อมอุปกรณ์ และพื้นที่ปิ้งย่างนั่งชิล ถือว่า “ครบเครื่อง” มาก ๆ ค่ะ แขกหลายคน โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัว มักมองหาบ้านที่สามารถใช้เวลาอยู่ด้วยกันได้จริง ไม่ใช่แค่มานอนพักเฉย ๆ ยิ่งมีพื้นที่กลางแจ้ง หรือสนามหญ้าเล็ก ๆ ยิ่งดีเลยค่ะ
ลงประกาศในหลายช่องทาง
อย่าลืมใช้พลังของโลกออนไลน์ให้เต็มที่! ลงประกาศบ้านของคุณในหลายช่องทาง เช่น
- Airbnb – สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยว
- Facebook Marketplace – คนท้องถิ่นมักหาเช่ารายเดือน
- Booking.com – สำหรับแขกที่คุ้นชินการจองที่พักแบบโรงแรม
แต่ละช่องทางมีกลุ่มเป้าหมายต่างกัน ถ้ายิ่งกระจายโพสต์ได้มาก ก็ยิ่งมีโอกาสปล่อยเช่าได้ไวค่ะ
จัดโปรช่วงโลว์ซีซัน
ช่วงหน้าฝนหรือช่วงที่นักท่องเที่ยวลดลง อาจปล่อยเช่าได้ช้ากว่าปกติ ลองจัดโปรโมชันแบบเบา ๆ เช่น ลดราคาสำหรับการเข้าพัก 2 คืนขึ้นไป หรือแถมอาหารเช้าง่าย ๆ ก็ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจได้ดีค่ะ
ขอรีวิวดี ๆ จากผู้เช่า
หลังจากมีแขกเข้าพัก อย่าลืมขอให้เขารีวิวให้บ้างนะคะ โดยเฉพาะถ้าคุณดูแลเขาอย่างดี ให้บ้านสะอาด มีการต้อนรับเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะช่วยให้รีวิวออกมาดี ซึ่งรีวิวดีมีผลต่อการตัดสินใจของแขกใหม่มากเลยค่ะ ยิ่งรีวิวเยอะ ความน่าเชื่อถือยิ่งสูง และราคาค่าเช่าก็ยิ่งตั้งได้ดีขึ้นด้วย!
ความเสี่ยงที่ต้องรู้ และวิธีรับมือ
แม้การปล่อยบ้านเช่าในนครนายกจะสร้างรายได้ดี แต่การลงทุนทุกอย่างก็มี “ความเสี่ยง” ที่ควรรู้ไว้ล่วงหน้า ยิ่งมือใหม่ยิ่งต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อไม่ให้เจอปัญหาแล้วช็อก มาดูกันว่ามีอะไรที่ต้องระวัง และเราจะจัดการได้ยังไงบ้างค่ะ
บ้านว่าง ไม่มีคนเช่า
ความเสี่ยง: บางเดือนอาจไม่มีคนเช่า โดยเฉพาะช่วงโลว์ซีซันหรือช่วงฝนตกต่อเนื่อง
วิธีรับมือ:
- ทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น เช่น จัดโปรโมชัน หรือเปิดให้เช่ารายวันสลับกับรายเดือน
- ใช้หลายแพลตฟอร์ม ทั้ง Airbnb, Facebook, กลุ่มอสังหาฯ ในพื้นที่
- พัฒนาจุดเด่นบ้านให้แตกต่าง เช่น เพิ่มมุมปิ้งย่าง หรือตกแต่งให้ถ่ายรูปสวย
ผู้เช่าไม่ดูแลบ้าน / ทรัพย์สินเสียหาย
ความเสี่ยง: ของใช้ภายในบ้านอาจพัง หรือมีการใช้งานที่ไม่ระมัดระวัง
วิธีรับมือ:
- เก็บเงินประกันความเสียหายก่อนเข้าพัก (โดยเฉพาะเช่ารายวัน)
- ใช้กล้องวงจรปิดบริเวณภายนอกเพื่อเพิ่มความมั่นใจ
- ทำรายการทรัพย์สินก่อนเข้า–หลังออก และแจ้งเงื่อนไขชัดเจน
ปัญหาด้านซ่อมบำรุง
ความเสี่ยง: บ้านอยู่ในพื้นที่ธรรมชาติ เจอฝน น้ำรั่ว หรือปลวกได้ง่าย
วิธีรับมือ:
- ตรวจสอบบ้านและอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ
- มีช่างประจำหรือบริษัทดูแลที่เรียกใช้งานได้ไว
- ใช้วัสดุทนทานตั้งแต่เริ่ม เช่น หลังคาไม่รั่วง่าย ระบบไฟน้ำปลอดภัย
รายได้ไม่แน่นอน
ความเสี่ยง: รายได้จากค่าเช่าแต่ละเดือนอาจไม่เท่ากัน
วิธีรับมือ:
- แบ่งเงินรายได้ส่วนหนึ่งไว้เป็นกองทุนฉุกเฉิน
- วางแผนบริหารการเงินล่วงหน้า เช่น ตั้งเป้าให้มีเงินสำรอง 3–6 เดือน
- เพิ่มรายได้จากบริการเสริม เช่น ให้เช่าเตาปิ้งย่าง เสนอขายอาหารเช้า
ข้อกฎหมายและภาษี
ความเสี่ยง : การปล่อยเช่าแบบรายวันอาจต้องดูเรื่องข้อกฎหมาย และการยื่นภาษีให้ถูกต้อง
วิธีรับมือ :
- ศึกษาข้อกำหนดในพื้นที่ เช่น การปล่อยเช่ารายวันต้องขอใบอนุญาตหรือไม่
- ยื่นภาษีอย่างถูกต้อง เช่น ภาษีรายได้บุคคลธรรมดา หรือภาษีโรงเรือน
- ปรึกษานักบัญชีหรือนิติกรให้แน่ใจว่าวางแผนถูกต้อง
สรุป
การลงทุนบ้านเช่าในนครนายก อาจไม่ใช่ทางเลือกแรกที่หลายคนคิดถึง แต่กลับเป็นโอกาสเงียบ ๆ ที่สร้างรายได้แบบคุ้มค่า ทั้งจากคนทำงาน คนท้องถิ่น หรือนักท่องเที่ยวที่มาเป็นระยะ ถ้าคุณมีบ้านว่างอยู่ หรือมีงบสักก้อนเล็ก ๆ การเริ่มต้นปล่อยเช่าในทำเลดี ๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ยิ่งทำให้ปล่อยเช่าได้ง่าย และมีรายได้ต่อเดือนสม่ำเสมอ ไม่ต้องรอลูกค้ารายใหญ่ ไม่ต้องทำการตลาดซับซ้อน ขอแค่เริ่มต้นให้ถูกจุด ก็เปลี่ยนบ้านธรรมดาให้กลายเป็น “ทรัพย์สินสร้างรายได้” ได้แบบไม่ยากเลยค่ะ